รีวิว Scarlet Nexus พบกับอีกหนึ่งเกมใหม่สไตล์ RPG รูปแบบอนิเมะ น้ำดีอีกหนึ่งเกม ที่ต้องบอกเลยว่า ห้ามพลาดเด็ดขาด แถมยังลงให้กับ เครื่อง Next gen อย่าง PS5 ที่บอกเลยว่าภาพสวยตระการตา พร้อมกับรูปแบบการเล่นแบบใหม่ๆ ที่บอกเลยว่า ไม่ใช่เกมอนิเมะ ที่ขายเพียงตัวละครไวฟุน่ารักๆอย่างเดียเท่านั้น
รีวิว Scarlet Nexus พบกับเกมใหม่ส่งตรงจาก บริษัทเกมและของเล่นสุดดังจากญี่ปุ่นอย่าง BANDAI NAMCO ที่ร่วมมือกับบริษัท Tose Software อย่างเกม Scarlet Nexus ที่ช่วงนี้เป็นกระแสพูดคุยกันอย่างมากขึ้นเพราะตัวเกมมีการปล่อยตัว DEMO มาให้เริ่มเล่นกันแล้ววันนี้เรา Torrify จะมาพาคุณไปพบกับ เนื้อหาเริ่มต้นของตัวเกมนี้ ว่าน่าเล่นหรือไม่แล้วคุ้มค่ากับการรอคอยหรือเปล่า
เพราะบอกได้เลยว่า หากคุณมองว่าเกมนี้เป็นแค่ เกมอนิเมะที่มาขายแนวตัวละครไวฟุน้ารักๆ กับเหล่าฮันแบนโดะเท่ห์ๆอย่างเดียวแล้วหล่ะก็ คุณคิดผิดอย่างแน่นอน เพราะบอกได้เลยว่า นี่คืออีกหนึ่ง RPG ที่มาพร้อมกับความทะเยอทะยานหลายๆอย่าง และจากที่สัมผัสหากไม่มีภาคต่อ จะน่าเสียดายเป็นอย่างมาก พอมาถึงตรงนี้ เหล่าเกมเมอร์หลายๆท่านอยากจะรู้แล้ว ใช่ไหมครับว่า เกมนี้เป็นอย่างไร งั้นเราไปดูพร้อมๆกันได้เลย
รีวิว Scarlet Nexus เนื้อเรื่องของตัวเกม
เนื้อเรื่องของตัวเกมนั้น จะกล่าวถึงยุคอนาคตที่ไม่ห่างไกลจากยุคปัจจุบัน สักเท่าไหร่นัก มนุษย์ชาตินั้นได้เจอภัยพิบัติ จากการรุกรานของมอนสเตอร์ต่างมิติ จากโลกของ Extinction Belt และพวกมันถูกเรียกว่า The Other เข้ามาทำลายอารยธรรมของมนุษย์จนสูญสิ้น และเพื่อต่อต้านและยับยั้ง ไม่ให้โลกถูกทำลายมากไปกว่านี้ รัฐบาลนั้นก็ได้ก่อตั้งหน่วย OSF หรือ The Other Suppression Force ที่เป็นกลุ่มรวบรวมเหล่าสมาชิกที่มีพลังเหนือธรรมชาติ เข้ามาช่วยต่อสู้กับพวก The Other และยับยั้งการรุกรานได้บางส่วน มาหลายปี
และตัดมาในตอน ปัจจุบัน หนุ่มไฟแรงอย่าง Yuito Sumeragi ได้เข้าร่วมเป็นกองกำลังของหน่วย OSF ที่ตัวเขานั้นใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก จนทำให้มารู้จักกับ ทหารชั้นยอดของ OSF อย่าง Kasane Randall ทั้งสองคนนั้นเหมือนมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่าง จนนำไปสู่ เหตุการณ์ร้ายแรงครั้งใม่ที่คาดไม่ถึง
จุดข้อดีของตัวเกมนี้ก็คือ เริ่มเล่นเกม ตัวเกมจะให้เราได้เลือก เล่นระหว่าง ตัวเอกฝ่ายชายอย่าง Yuito หรือตัวเอกฝ่ายหญิง Kasane ซึ่งทั้งสองนั้น จะดำเนินเนื้อเรื่องที่แตกต่างกัน แต่อยู่ในไทมไลน์เดียวกันนั่นเอง ตัวเกมเหมือนจะมอบทางเลือกให้ ได้เลือกเล่นและสัมผัส มุมมองของตัวละคร ในแต่ละด้าน
ช่วงเนื้อเรื่องแรกๆ ก็จะอยู่ในรั้วโรงเรียน เหมือนเป็นการแนะนำตัวละครอื่นๆ อธิบายระบบ setting ของตัวเกม และฝึกฝนทักษะการต่อสู้ และมีการเล่าเนื้อหา Lore เบื้องต้น ส่วนเรื่องราวแรกๆตรงนี้นั้น จะค่อยๆเป็น ค่อยๆไป และช้าพอสมควร หากเป็นเกมเมอร์ที่ชื่นชอบ เกมเข้าเนื้อหาเร็วเอาเนื้อไม่เอาน้ำ อาจไม่ถูกใจช่วงแรกๆ เพราะมันอาจเรื่อยๆจนเกินไป
แต่ว่าหลังจากเข้าสู่ ช่วงตอนที่ 3 เป็นต้นไปนั้น เนื้อเรื่องจะเข้าสู่โหมดซีเรียสจริงจังมากยิ่งขึ้น เหมือนคนละเกมก่อนหน้าเลยก็ว่าได้ มีปมปริศนาต่างๆ ในตอนดำเนินเรืองราว และมีการเผยปมปริศนาวในตอนจบของตอนนั้นๆ หากผู้เล่นท่านไหนคิดว่าเกมเป็นแค่ เกมแอคชั่นธรรดาๆ อาจได้เซอร์ไพรส์กับ เนื้อเรื่องที่ยัดปริศนามาอย่างดี เนื้อหาที่เข้มข้น และน่าตื่นเต้น รวมไปถึง การขัดแย้งของอุดมการณ์ทางการเมืองและการเสียสละ ทำให้เนื้อเรื่องช่วงหลังๆ เข้มข้นจนกระพริบตาไม่ได้ ไม่เหมือนเนื้อเรื่องช่วงแรกๆที่หนังตาจะหย่อนเอา
ส่วนเรื่องบทบาท ของตัวละครต่างๆภายในเกมนั้น ตัวเกมกระจายบทออกมาได้เป็นอย่างดี มีการสัมพันธ์อย่างสนุกสนาน และทุกตัวละครมี คาแร็คเตอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดดเด่นของตัวเอง ไม่มีตัวไหนจืดจางจนถูกกลบ (ยกเว้นตัวเอกที่เราเล่นก็ต้องเด่นตามบท) ทำให้ผู้เล่นนั้น จะผูกพันธ์กับเหล่าตัวละครที่อยู่ฝั่งเดียวกับเรา่นี้
ข้อเสียของเนื้อเรื่องตัวเกมนี้ นั่นก็คือตัวเกมจะชอบโยนปมปริศนามามากเกินไป แบบไม่มีหยุด ทำให้เกิดความสับสนและมึนงงได้ หากเกมเมอร์บางท่านไม่ชอบ การแก้ปมปริศนาแล้ว จะทำให้รู้สึกมึนงงได้ และอาจตามเนื้อหาไม่ทัน หากกด Skip ข้ามบทสนทนาของตัวละครภายในเกม
และข้อเสียอีกหนึ่งเรื่องใหญ่ๆ เลยก็คือพวกคีตซีนในส่วนของ เนื้อเรื่อง(Story) ที่ใช้ฉากแบบสไลด์โชว์ คล้ายกับพวก Visual Novel คือเกือบทั้งเกม ใส่ฉากที่เป็น Cinematic มาเพียงนิดเดียวจริงๆ ทั้งๆที่ ฉากคัดซีนแบบภาพยนต์ Cinematic นั้นตัวเกมทำออกมาได้ดีด้วย ถือว่าเป็นจุดเสียอย่างรุนแรง เพราะผู้เล่นบางท่านอาจจะไม่ค่อยอินกับ ฉากแบบสไลด์โชว์เลยด้วยซ้ำ เพราะมันไม่สมจริงนั่นเอง
ตัวฉากคัดซีนที่เป็นแบบ Cinematic ทำออกมาได้ดี เพราะจุดเด่นของเอกลักษณ์ตัวละครมในทีมต่างๆนั้น เสมือนเราได้นั่งดูอนิเมะสั้นๆ ไปในตัวด้วยอีกตังหาก แต่ดันใส่มาน้อยซะนี น่าเสียดายเป็นอย่างมาก เกมออกใหม่กรกฎาคม2021
และอีกจุดหนึ่ง คือเนื้อเรื่องของตัวละครสองฝั่ง อย่างของ Yuito และ Kasane ที่จะมีเนื้อเรื่องแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องเล่นให้จบ ทั้งคู่เพื่อคลายปมปริศนาทั้งหลายออกให้หมดได้ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากผู้เล่นชื่นชอบ Story ของเกมนี้ เท่ากับว่าตัวเกมมีคุณค่าในการกลับมาเล่นรอบที่ 2 สูงมาก รวมถึงแสดงให้เห็นว่าทีมพัฒนาเกมมีความทะเยอทะยานในด้านการผลิตเนื้อเรื่องอีกด้วย
Presentation การนำเสนอของตัวเกม
หนึ่งในจุดเด่นของตัวเกม Scarlet Nexus หลักๆเลยคืองานอาร์ตสไตล์ Brain Punk และใช้ลวดลายกราฟฟอกสไตล์ อนิเมะแบบ Cell-shade ซึ่งเป็น Pop Culture ได้รับความนิยมทั่วโลก ฉะนั้นใครเป็นคนชื่นชอบแนวเกมแบบ Sci-fi ที่มีงานสถาปัตยกรรมล้ำ ๆ มีความ Hi-Tech เท่ ๆ รวมถึงเป็นคออนิเมะจะต้องชื่นชอบการนำเสนอเกมนี้ได้ไม่ยาก UFABET
ส่วนคอนเท้นต์ของเกมก็ไม่มีอะไรมาก เพราะตัวเกมเป็นแนวเส้นตรง และมันไม่ใช่เกมแนวสOpen world แบบเกม RPG ในยุคนี้ด้วย คือแทบไม่มีสถานที่ให้เราไปฟาร์มหาของสักเท่าไรนัก เพราะส่วนใหญ่เอาเวลาไปเล่นเนื้อเรื่อง กับเควสหลักและรอง ซะส่วนใหญ่นั่นเอง เว็บดูบอลสดฟรี
Game play ของตัวเกม
ถึงแม้ตัวเกมนั้น จะเป็นเกม RPG แต่บอกได้เลยว่า จากที่สัมผัสมา เกมนี้จะเน้นแนวแอคชั่นมากกว่า ระบบ RPG ซะด้วยซ้ำ
ระบบการต่อสู้เบื้องต้นของ Scarlet Nexus จะเข้าใจง่าย เพราะการโจมตีเกมนี้ มีเพียงแค่โจมตีธรรมดา, โจมตีหนัก, ใช้พลังจิต Psychokinesis ปาวัตถุใส่ศัตรู และใช้สกิล SAS ของเพื่อนร่วมทีม เพื่อเพิ่มบัฟหรือใช้ความสามารถพิเศษ
ระบบของเกมนี้จะเป็นแนว Fast paced ที่มีความรวดเร็ว และลื่นไหลเป็นอย่างมาก ระหว่างโจมตีปะทะกับศัตรูตัวฉกาจนั้น ผปู้เล่นสามารถต่อคอมโบสกิล และใช้การโจมปกติ รวมถึงพลังจิตอย่าง Psychokinesis ได้ และเกจของพลังจิตนั้น จะฟื้นฟูเมื่อได้โจมตีศัตรูนั่นเอง เพราะฉะนั้นจะต้องทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำท่าพลังจิตนั้น มาผสานคอมโบกับ การโจมตีปกติและสกิลของเราได้อีกด้วย
ส่วนการใช้สกิล SAS ของเพื่อนร่วมปาร์ตี้ สมาชิกทีมแต่ละคนจะมอบความสามารถพิเศษให้ผู้เล่นที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่เปลี่ยนการโจมตีธรรมดาให้กลายเป็นโจมตีด้วยธาตุสายฟ้า, โจมตีกลายเป็นธาตุไฟ, ใช้สกิลล่องหน เพื่อแทง Backstab ศัตรูโดยไม่รู้ตัว, ใช้สกิลสโลว์ไทม์ เพื่อเข้าโจมตีศัตรูที่มีการเคลื่อนไหวว่องไว และอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับการต่อสู้มอนสเตอร์ประเภทต่าง ๆ ซึ่งมีจุดแข็งจุดอ่อนไม่เหมือนกัน
สรุป
ตัวเกมนั้นมีระบบ Gameplay ในรูปแบบแอคชั่นที่สนุกสนาน และลื่นไหลเป็นอย่างมาก รวมถึงเนื้อเรื่องและปริศนาที่ตัวเกมใส่มานั้น ก็น่าติดตามจนต้องเลือกเล่นทั้งสองฝั่ง พร้อมกราฟฟิกสไตล์อนิเมะ กับ Engineที่สมกับเป็นเกมที่พอร์ตลง เครื่องเกม Next-Gen นั่นเอง ด้วยตัวเกมทีมีความทะเยอทะยาน และองค์ประกอบโดยรวม ที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นกว่านี้ได้อีก จึงทำให้อยากมีภาคต่อ